ไส้ติ่งของเรามีหน้าที่อะไร?
เป็นเวลาหลายปีที่เชื่อกันว่าไส้ติ่งนั้นมีหน้าที่ในทางสรีรศาสตร์น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราพบว่าไส้ติ่งทำหน้าที่สำคัญในฟีตัส
และผู้ใหญ่ที่อายุน้อย เซลล์คัดหลั่ง
(endocrine cell) ที่อยู่ในไส้ติ่งของฟีตัสจะปรากฏขึ้นเมื่อฟีตัสมีอายุประมาณ 11
เดือน เซลล์ในไส้ติ่งของฟีตัสเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า
มีการผลิตสารเอมีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (biogenic amines) มากมาย
และฮอร์โมนพวกเพปไทด์ (peptide hormones)
ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยในควบคุมกระบวนการทางชีวภาพต่างๆ (homeostasis)
และยังมีหลักฐานเล็กน้อยที่แสดงถึงบทบาทอื่นๆ ของไส้ติ่งในการวิจัยสัตว์
เนื่องจากเราจะไม่พบไส้ติ่งในสัตว์เลี้ยง
|
|
|
ในผู้ใหญ่
ปัจจุบันเชื่อว่าไส้ติ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่ทางภูมิคุ้มกัน
เนื้อเยื่อน้ำเหลือง (lymphoid tissue)
เริ่มมีการสะสมในไส้ติ่งในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากเกิด
โดยจะมีปริมาณมากที่สุดระหว่างอายุประมาณ 20-30 ปี
หลังจากนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนหายไปหลังจากอายุเกิน 60 ปี อย่างไรก็ตาม
ในช่วงแรกของการเติบโต ไส้ติ่งมีหน้าที่เป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับน้ำเหลือง
ซึ่งช่วยให้ B lymphocyte พัฒนาได้เต็มที่ (B lymphocyte
เป็นเม็ดเลือดขาวประเภทหนึ่ง) และช่วยในการผลิตแอนติบอดีประเภท immunoglobulin A
(IgA)อีกด้วย
นักวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าไส้ติ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตโมเลกุลที่ช่วยกำกับการเคลื่อนที่ของ
lymphoidcyte ในหลายๆ ที่ของร่างกาย
|
|
|
ภาพตัดขวางของไส้ติ่ง
|
|
|
ในเรื่องนี้
หน้าที่ของไส้ติ่งจะช่วยเซลล์เม็ดเลือดขาวพบกับสารแปลกปลอม (antigen)
ที่อยู่ตามในทางเดินอาหาร
ดังนั้น
เป็นไปได้ว่าไส้ติ่งจะช่วยระงับผลของแอนติบอดีในการทำลายสารแปลกปลอมเหล่านั้น
แต่จะสร้างภูมิคุ้มกัน (local immunity)ขึ้นมาแทน
โครงสร้างขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายไส้ติ่งที่เรียกว่า Peyer's patches
ในพื้นที่ส่วนอื่นของทางเดินอาหารจะดึงแอนติเจนกลับจากลำไส้ในปริมาณหนึ่งและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแอนติเจนเหล่านั้น
ระบบภูมิคุ้มกันแบบนี้มีบทบาทสำคัญทางด้านการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในทางสรีรศาสตร์และในการควบคุมสิ่งแปลกปลอมเช่น อาหาร ยา จุลินทรีย์ และไวรัส
(ถ้าปล่อยให้แอนติบอดีทำลายสิ่งแปลกปลอม
สิ่งที่เรากินเข้าไปจะถูกทำลายทั้งหมด)
ความเชื่อมโยงระหว่างปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันนี้กับโรคสำไส้อักเสบ (inflammatory
bowel diseases)
เช่นเดียวกับปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันที่ทำลายตัวเองยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา
ในอดีต
ไส้ติ่งมักจะได้รับการผ่าออกและทิ้งไปเสมอ
เพื่อป้องกันความเป็นไปได้ใน การเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ (appendicitis)
แต่ในปัจจุบัน
ไส้ติ่งจะถูกเก็บไว้ใช้ในกรณีมีการผ่าตัดตกแต่งเมื่อกระเพาะปัสสาวะถูกผ่าออก
ในการผ่าตัดดังกล่าว
ส่วนของลำไส้จะใช้ทำเป็นกระเพาะปัสสาวะและไส้ติ่งจะนำมาทำกล้ามเนื้อหูรูด (sphincter muscle)
ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถกลั้นน้ำปัสสาวะได้ นอกจากนั้น
ไส้ติ่งยังนิยมใช้แทนท่อปัสสาวะชั่วคราวอีกด้วย
ซึ่งจะปล่อยน้ำปัสสาวะไหลจากตับไปยังกระเพาะปัสสาวะอีกด้วย จะเห็นได้ว่า
ไส้ติ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในเทคการผ่าตัดตกแต่งหลายๆ แบบ
และจะไม่ถูกตัดทิ้งจนกว่าจะเกิดอาการอักเสบ
ที่มา |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น